Montreux เป็นเมืองตากอากาศหรือ Rivera ของ Swiss ตั้งอยู่ริมทะเลสาป Geneva นอกจากทะเลสาปที่สวยงามแล้ว สถานที่ Highlight อีกแห่ง คือ ปราสาท Chateau de Chillon อยู่ห่างจากสถานีรถไฟประมาณ 3 KM นั่งรถเมล์ไปสัก 15 นาที แต่อยากได้อีกอารมณ์คือนั่งเรือไป ... หุ หุ .. ลงรถไฟเอากระเป๋าไปฝากที่ Locker หยอดเหรียญ มีเวลาอีกแค่ 15 นาทีที่จะวิ่งจากสถานีรถไฟไปท่าเรือ ... วิ่งไปดู Google Map ไป ... ท่าเรือมันอยู่ไหนหว่า... มาทันพอดีที่เค้าเริ่มให้คนขึ้น ... เจ้านายหอบแฮกค้อนเล็กน้อย นี่มาเที่ยวหรือมาวิ่งแข่งกัน .... :)
บอกเจ้านายขึ้นไปแล้วรีบไปยืนหัวเรือถ่ายแล้วดูดีนะ .... ยิ้มหวานเชียว ... เจ้านายหายงอนแล้วแต่จะโดนนายท่าตึ๊บเอา .... U ไม่ขึ้นเรือ I จะปิดประตูแล้วนะ .... :)
ลูกคนไทยแม่คงกรี๊ดกับเจ้าตัวเล็กที่ปีนไปบนกราบเรือ
ตึกที่เห็นคือโรงแรม ตึกสวยมากๆ แต่เราไม่มีเวลาเดินชมแค่วิ่งไปท่าเรือก็แทบไม่รอดแล้ว กะว่าเวลากลับมาเอากระเป๋าแวะไปดูหน่อย แต่ตอนกลับมาดันลืมสนิท
ใคนอยากชมทะเลสาปเต็มๆก็นั่งเรือจากนี้ไป Geneva ได้เลย
นี่มันธงฝรั่งเศส ... ตกลงมันเรือ Swiss อะเปล่านี่ ..... Swiss แถบนี้ใกล้ฝรั่งเศสดังนั้นคน Swiss แถบนี้จะพูดฝรั่งเศส ..... อย่างทางใต้ Zermatt ใกล้ Italy ก็ออกแนว Italy อย่างชื่อโรงแรมก็ออกแนว Italy แถมไม่ลงท้ายด้วย Hotel แต่เป็น Garni แทน .... Chateau de Chillon ปรากฎโฉมแต่ใกลแล้ว .... :)
แผนที่แค้วนต่างๆสมัยก่อน Chateau de Chillon เป็นปราสาทยุคกลางที่มีความเก่าแก่กว่า 1,000 ปี โดยปราสาทถูกสร้างขึ้นในช่วงสมัยของราชวงศ์ SAVOY
ให้ดู Chateau de Chillon Model ไปพลางๆก่อน
Chateau de Chillon ..... ถ้าไม่นั่งเรือคงไม่เห็นมุมนี้
ปราสาทสร้างขึ้นมาเพื่อคอยเก็บค่าผ่านทางของเรือที่ล่องผ่านทะเลสาป Geneva
นอกจากนี้ที่นี่ยังใช้เป็นที่คุมขังนักโทษ สังเกตด้านล่างจะเป็นช่องเล็กพอให้นักโทษมองดูภายนอกได้บ้าง
ปราสาทสร้างขึ้นบนเกาหินมีสะพานไม้เชื่อมกับแผ่นดินใหญ่
แว๊บเดียวก็ถึงท่าเรือ Chateau de Chillon แค่ป้ายเดียวเอง
จากท่าเรือเดินลัดเลาะถนนริมชายหาดไปปราสาท .... มุมนี้เป็นมุมมหาชน
เดินลัดเลาะไปปราสาทกัน
ถ้าเมฆไม่มากกับมีแสงพอควรมันจะสวยมากนะเนี้ย ... เสียดายจิงๆ
สะพานไม้เชื่อมปราสาทกับเกาะ
แสงแดดแรกของวันนี้ที่มาเยือนเรา ... ภาพก็สวยอย่างนี้ ... แต่เล่นเดี๋ยวมาเดี๋ยวไปเฮ้อ ... :(
ได้เวลาเข้าไปสำรวจด้านในกันแล้ว
เข้ามาในปราสาทกัน
บริเวณนี้ที่หญิงแต้วกับเพื่อนเค้ามา Chat กัน
ที่นี้เริ่มลุยที่ชั้นใต้ดินของปราสาทกันก่อน .... มุมเก็บเสบียง
Mountreux เป็นแหล่งที่ปลูก Wine ที่สำคัญของ Swiss
และที่ชั้นใต้ดินนี้แหละที่เขาเอาไว้ขังนักโทษ
นักโทษถูกล่ามเข้ากับเสานี้
นักโทษคนที่แหละที่เป็นต้นตอให้ Chateau de Chillon ดังไปทั่วยุโรป Francois de Bonivard แกไปสนับสนุนให้ Geneva รวมตัวกับ Swiss สมัยนั้น ต่อต้านราชวงศ์ Savoy เลยโดนทาง Savoy จับล่ามโซ่ขังอยู่ 6 ปี 1530 to 1536
ตอนหลังกองทัพ Swiss มาช่วยออกไปได้
ช่องหน้าต่างเล็กๆที่เเราเห็นจากเรือ ... นักโทษคงได้เห็นแค่ท้องทะเลสาปกับภูเขาเท่านั้น
ต่อมาในปี 1816 มีนักเขียนชื่อ Lord Byron มาที่ Chateau de Chilllon แล้วประทับใจเกี่ยวกับเรื่องราวที่นี่ นำเอาไปไปเขียนเป็นนิยายแบบกลอน Poem เรื่อง The Prisoner of Chillon เขียนเมื่อปี 1816 บรรยายความทุกข์ยากแสนสาหัสของนักโทษ ...นิยายเรื่องนี้โด่งดังทำให้ Chateau De Chillon กลายเป็นที่รู้จักใครๆก็อยากมาดู Chateau de Chillon ... ตัวเป็นๆและในวันนั้นท่าน Lord ก็สลักชื่อตัวเองไว้ที่เสาที่มีกรอบล้อมไว้นั่นแหละ
นักโทษวันๆคงได้แต่ระบายออกจากการขีดเขียนเท่านั้น
มี Video ฉายเข้ากำแพงเป็นเงาคนเดินไปเดินมา เปลี่ยนเป็น เด็ก ทหาร นักบวช เดินไปมาเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทำให้ปราสาทมีชีวิตชีวา แต่คนกลัวผีเดินมาคนเดียวอาจวิ่งหนีได้ ... :)
ไปต่อที่ชั้นบน เป็นห้องจัดเลี้ยงมี เตา พร้อมอุปกรณ์อนุรักษ์ไว้อย่างดี
ภาพจำลองงานเลี้ยง
มีน้องหมาร่วมรับเชิญด้วยด้วย
จำไม่ได้ห้องอะไร
ตามมาด้วยห้องนอน
ห้องอาบน้ำ
ห้อง Chat ระหว่าง Chat ไปก็แลกกลิ่นกันไปนะเนี้ย ..... :)
ออกมาด้านนอก
มุมแสดงอาวุธสมัยนั้น ... มีรูปตากล้องสะท้อนติดมาด้วย .... :)
แต่ละยุคก็มีการต่อเติมป้อมกันมาเลยเรื่อยๆเลยไม่เป็นเนื้อเดียว เลยทำทางเดินไม้เชื่อมต่อกันระหว่างป้อม
ชมกันพอแล้วเราก็ข้ามถนนมารอรถเมล์ไปแค่ 20 นาทีก็ถึง Vevey
ดอกไม้ริมทาง
ส้อมอันนี้มันเล็กไปอ่ะเปล่าเจ้านาย
Sponsor รายใหญ่ก็คือ Nestle เพราะเมืองนี่เป็นที่นี่ตั้งของสำนักงานใหญ่
ส้อมอันนี้ค่อยโอหน่อย ... :)
เที่ยวจนโทรม หน้าสงสารไม่เนี้ย
บริเวณเดียวกัน
Charlie Chaplin เลือกมาใช้ชีวิตบั่นปลายที่นี่
เดินมาถึง Food Musuem ของ Nestle ก็ได้เวลาปิดพอดี Chocolate ขนมอื่นๆของ Nestle ที่นี่ขายราคาพิเศษ
เรานั่งเล่นที่ริมทะเลสาบสักพักก็จับรถเมล์กลับไปกินอาหารจีนที่ Montruex อิ่มแล้วก็มาเอากระเป๋าที่ฝากไว้จับรถไฟไป Lausanne ที่เราจะใช้เป็นฐานในการเที่ยว 2 วันสุดท้าย
พรุ่งนี้เราจะไป Geneva เมืองใหญ่อันดับสองรองจาก Zurich เป็นที่ตั้งของ UN และ กลับมาเก็บ Lausanne ตามมานะ .... :)
No comments:
Post a Comment