Thursday, July 25, 2013

GoldenPass Panoramic


 

วันนี้เป็นวันที่ 7 แล้วตอนเที่ยวทำไมเวลามันไวจัง วันนี้เราตื่นแต่เช้ามารอ Breakfast ตอน 7   โมงตั้งเป้ากินอาหารเช้า 15 นาทีแล้วรีบลากกระเป๋าแจ้นไปสถานีรถไฟ  Zermatt  ที่จะออกตอน 7:40 Program วันนี้เราจะนั่ง Glacier Express ขึ้นเหนือย้อนกลับไปเปลี่ยนขบวนจุดแแรกที่   VISP   แล้วไปเปลี่ยนขบวนที่    Speiz  และที่นี่เราจะขึ้นรถไฟสาย GoldenPass Line ช่วงแรกและไปเปลี่ยนขบวนรถเป็น  GoldenPass  Panoramic ในช่วงที่สองที่   Zweisimmem  แล้วนั่งไปจนสุดสายที่  Montreux  ที่นี่เราจะแวะไปดูประสาท  Chateau de Chillon  แล้วโฉบไปเมือง  Vevey  ที่เป็นที่ตั้งสำนักงานใหญ่ของ Nestle จากนั้นกลับไปค้างคืนที่   Lausane   เราจะใช้   Lausane   เป็นฐานในการลุย   Swiss   อีก 2 วันที่เหลือ .... :)
 
มาถึง Zweismmem แล้วเราเปลี่ยนขบวนไปเป็น   Panoramic  มีเวลาเปลี่ยนแค่ 6 นาทีเอง เวลารถไฟที่นี่ต้องบอกว่าเป๊ะแน่นอน มันปิดประตูตรงเวลาไม่สนใครทั้งนั้น .... ดังนั้นจอดปั๊บต้องรีบโกยไปตรวจดูว่าเจ้า  Panoramic  มันจอดชานชลาไหน   บางที่งานเข้าต้องลากกระเป๋าลอดอุโมงค์ไปอีกฝั่งอันนี้แหละลิ้นห้อย

GodenPass Line  ช่วง Zweisimmem ไป  Montreux  จะมีขบวนรถไฟสองแบบคือขบวนตู้ทั่วๆและอีกแบบที่เรียกว่า  Panoramic  ซึ่งรถออกแบบมาให้นั่งดูวิวแบบ Panorama กระจกหน้าต่างจะเป็นบานใหญ่พิเศษแถมมีเปิดหลังคาบางส่วน  ดังนั้นต้องดูดีๆว่าเวลาที่ไปเป็น  Panoramic  หรือเปล่า

ดูดีหน่อยมีผ้ารองพนักด้วย

GodenPass  เหมือนกัน  .... Panoramic  vs  Standard ทั่วๆไป


เจ้าขบวน Panoramic  เหมาะสำหรับนั่งชมวิวเป็นอย่างยิ่ง แต่ตากล้องจะไม่ค่อยชอบไม่รู้จะเอียงกล้องทำมุมไหนหมดปัญญา ... มันสะท้อนตลอด .... :(

Swiss  เค้าเรียก  Route  นี้ว่า  Romantic Route  ที่  Germany,  Austria  ก็มี   Romantic Route เหมือนกัน  ... GoldenPass Route  ช่วงที่สวยที่สุดคือช่วงระหว่าง  Zweisimmem  กับ  Montreux
 
 
 
   
 
อย่างที่เห็นกระจกสะท้อนมาก ... ยิงไปไม่กี่ Shots ในที่สุดก็ยอมเก็บกล้องดีกว่า .... ความรู้สึกส่วนตัว   GodenPass Route   ก็สวยนะแต่ไม่ค่อยตื่นเต้นแล้วละ อาจเพราะเรานั่งรถไฟมาหลายวันเลยรู้สึกมันก็คล้ายๆกันแล้ว ถ้าใครมาก็รีบไปเที่ยว   Route   นี้ก่อนก็ดี

 

Montreux - Chateau de Chillon

 
  
 Montreux เป็นเมืองตากอากาศหรือ  Rivera  ของ  Swiss  ตั้งอยู่ริมทะเลสาป   Geneva  นอกจากทะเลสาปที่สวยงามแล้ว  สถานที่  Highlight  อีกแห่ง  คือ ปราสาท Chateau de Chillon อยู่ห่างจากสถานีรถไฟประมาณ  3 KM นั่งรถเมล์ไปสัก 15 นาที  แต่อยากได้อีกอารมณ์คือนั่งเรือไป ... หุ หุ .. ลงรถไฟเอากระเป๋าไปฝากที่ Locker หยอดเหรียญ  มีเวลาอีกแค่ 15 นาทีที่จะวิ่งจากสถานีรถไฟไปท่าเรือ ... วิ่งไปดู  Google Map ไป  ... ท่าเรือมันอยู่ไหนหว่า... มาทันพอดีที่เค้าเริ่มให้คนขึ้น ... เจ้านายหอบแฮกค้อนเล็กน้อย นี่มาเที่ยวหรือมาวิ่งแข่งกัน ....  :)
 
บอกเจ้านายขึ้นไปแล้วรีบไปยืนหัวเรือถ่ายแล้วดูดีนะ .... ยิ้มหวานเชียว ... เจ้านายหายงอนแล้วแต่จะโดนนายท่าตึ๊บเอา .... U   ไม่ขึ้นเรือ   I   จะปิดประตูแล้วนะ .... :) 

ลูกคนไทยแม่คงกรี๊ดกับเจ้าตัวเล็กที่ปีนไปบนกราบเรือ 
 
ตึกที่เห็นคือโรงแรม ตึกสวยมากๆ แต่เราไม่มีเวลาเดินชมแค่วิ่งไปท่าเรือก็แทบไม่รอดแล้ว กะว่าเวลากลับมาเอากระเป๋าแวะไปดูหน่อย  แต่ตอนกลับมาดันลืมสนิท
 
ใคนอยากชมทะเลสาปเต็มๆก็นั่งเรือจากนี้ไป  Geneva  ได้เลย 
 
นี่มันธงฝรั่งเศส ... ตกลงมันเรือ Swiss  อะเปล่านี่ ..... Swiss  แถบนี้ใกล้ฝรั่งเศสดังนั้นคน  Swiss  แถบนี้จะพูดฝรั่งเศส  ..... อย่างทางใต้  Zermatt  ใกล้  Italy  ก็ออกแนว  Italy อย่างชื่อโรงแรมก็ออกแนว Italy แถมไม่ลงท้ายด้วย  Hotel  แต่เป็น  Garni  แทน ....  Chateau de Chillon  ปรากฎโฉมแต่ใกลแล้ว  .... :)





แผนที่แค้วนต่างๆสมัยก่อน  Chateau de Chillon  เป็นปราสาทยุคกลางที่มีความเก่าแก่กว่า 1,000 ปี โดยปราสาทถูกสร้างขึ้นในช่วงสมัยของราชวงศ์  SAVOY
 
ให้ดู   Chateau de Chillon Model   ไปพลางๆก่อน

 
  
Chateau de Chillon ..... ถ้าไม่นั่งเรือคงไม่เห็นมุมนี้
 
ปราสาทสร้างขึ้นมาเพื่อคอยเก็บค่าผ่านทางของเรือที่ล่องผ่านทะเลสาป   Geneva  
 
  
นอกจากนี้ที่นี่ยังใช้เป็นที่คุมขังนักโทษ  สังเกตด้านล่างจะเป็นช่องเล็กพอให้นักโทษมองดูภายนอกได้บ้าง 
 
 
ปราสาทสร้างขึ้นบนเกาหินมีสะพานไม้เชื่อมกับแผ่นดินใหญ่ 
 
แว๊บเดียวก็ถึงท่าเรือ  Chateau de Chillon  แค่ป้ายเดียวเอง
 
  
 
 
 
จากท่าเรือเดินลัดเลาะถนนริมชายหาดไปปราสาท .... มุมนี้เป็นมุมมหาชน
 
  
 
เดินลัดเลาะไปปราสาทกัน 
 
 
ถ้าเมฆไม่มากกับมีแสงพอควรมันจะสวยมากนะเนี้ย ... เสียดายจิงๆ 


 

  
 สะพานไม้เชื่อมปราสาทกับเกาะ

 
 
 
 
 
แสงแดดแรกของวันนี้ที่มาเยือนเรา ... ภาพก็สวยอย่างนี้ ... แต่เล่นเดี๋ยวมาเดี๋ยวไปเฮ้อ ... :(




 
  
 ไปสำรวจรอบปราสาทด้านนอกกันก่อน
 
 
 


 


  
 
ได้เวลาเข้าไปสำรวจด้านในกันแล้ว



เข้ามาในปราสาทกัน




  
บริเวณนี้ที่หญิงแต้วกับเพื่อนเค้ามา Chat  กัน

 


 
 
ที่นี้เริ่มลุยที่ชั้นใต้ดินของปราสาทกันก่อน .... มุมเก็บเสบียง

Mountreux  เป็นแหล่งที่ปลูก  Wine  ที่สำคัญของ  Swiss



 
และที่ชั้นใต้ดินนี้แหละที่เขาเอาไว้ขังนักโทษ


 
 



นักโทษถูกล่ามเข้ากับเสานี้

นักโทษคนที่แหละที่เป็นต้นตอให้  Chateau de Chillon ดังไปทั่วยุโรป  Francois de Bonivard แกไปสนับสนุนให้ Geneva รวมตัวกับ Swiss สมัยนั้น ต่อต้านราชวงศ์  Savoy  เลยโดนทาง   Savoy  จับล่ามโซ่ขังอยู่ 6 ปี 1530 to 1536
 
ตอนหลังกองทัพ  Swiss  มาช่วยออกไปได้


ช่องหน้าต่างเล็กๆที่เเราเห็นจากเรือ ... นักโทษคงได้เห็นแค่ท้องทะเลสาปกับภูเขาเท่านั้น


 
ต่อมาในปี 1816  มีนักเขียนชื่อ   Lord Byron   มาที่   Chateau de Chilllon   แล้วประทับใจเกี่ยวกับเรื่องราวที่นี่ นำเอาไปไปเขียนเป็นนิยายแบบกลอน  Poem  เรื่อง  The Prisoner of Chillon เขียนเมื่อปี 1816 บรรยายความทุกข์ยากแสนสาหัสของนักโทษ ...นิยายเรื่องนี้โด่งดังทำให้  Chateau De Chillon  กลายเป็นที่รู้จักใครๆก็อยากมาดู   Chateau de Chillon ... ตัวเป็นๆและในวันนั้นท่าน  Lord  ก็สลักชื่อตัวเองไว้ที่เสาที่มีกรอบล้อมไว้นั่นแหละ
 

นักโทษวันๆคงได้แต่ระบายออกจากการขีดเขียนเท่านั้น

 
มี  Video  ฉายเข้ากำแพงเป็นเงาคนเดินไปเดินมา เปลี่ยนเป็น เด็ก  ทหาร  นักบวช  เดินไปมาเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ทำให้ปราสาทมีชีวิตชีวา แต่คนกลัวผีเดินมาคนเดียวอาจวิ่งหนีได้ ... :)
 


ไปต่อที่ชั้นบน  เป็นห้องจัดเลี้ยงมี เตา พร้อมอุปกรณ์อนุรักษ์ไว้อย่างดี
 

 
 
 
ภาพจำลองงานเลี้ยง

 
มีน้องหมาร่วมรับเชิญด้วยด้วย

จำไม่ได้ห้องอะไร 

 
  
ตามมาด้วยห้องนอน

ห้องอาบน้ำ

ห้อง  Chat  ระหว่าง  Chat  ไปก็แลกกลิ่นกันไปนะเนี้ย .....  :)


 
ตู้สมบัติ









 

 

 


 
 
ออกมาด้านนอก






 


 
 
 
มุมแสดงอาวุธสมัยนั้น  ...  มีรูปตากล้องสะท้อนติดมาด้วย .... :)
 


 
แต่ละยุคก็มีการต่อเติมป้อมกันมาเลยเรื่อยๆเลยไม่เป็นเนื้อเดียว  เลยทำทางเดินไม้เชื่อมต่อกันระหว่างป้อม

  

ลงมาข้างล่างก็เจอเกวียนฝรั่ง
 
ชมกันพอแล้วเราก็ข้ามถนนมารอรถเมล์ไปแค่  20 นาทีก็ถึง  Vevey 



Vevey



 มาถึง  Vevey  ก็เกือบห้าโมงเย็นแล้ว  เลยแค่เดินเรียบทะเลสาบ  Geneva  ไม่ได้เข้าไปในเมือง 
  
 

   

 

 


 


ดอกไม้ริมทาง

 
  
  

ส้อมอันนี้มันเล็กไปอ่ะเปล่าเจ้านาย
 


Sponsor  รายใหญ่ก็คือ  Nestle  เพราะเมืองนี่เป็นที่นี่ตั้งของสำนักงานใหญ่ 


  

ส้อมอันนี้ค่อยโอหน่อย ... :)


 
 เที่ยวจนโทรม  หน้าสงสารไม่เนี้ย


บริเวณเดียวกัน
 
  
 Charlie Chaplin  เลือกมาใช้ชีวิตบั่นปลายที่นี่
 
  

เดินมาถึง  Food  Musuem  ของ  Nestle  ก็ได้เวลาปิดพอดี  Chocolate ขนมอื่นๆของ  Nestle  ที่นี่ขายราคาพิเศษ
 
  
 
  

    
เรานั่งเล่นที่ริมทะเลสาบสักพักก็จับรถเมล์กลับไปกินอาหารจีนที่  Montruex  อิ่มแล้วก็มาเอากระเป๋าที่ฝากไว้จับรถไฟไป  Lausanne  ที่เราจะใช้เป็นฐานในการเที่ยว 2 วันสุดท้าย


พรุ่งนี้เราจะไป  Geneva  เมืองใหญ่อันดับสองรองจาก  Zurich  เป็นที่ตั้งของ  UN  และ กลับมาเก็บ  Lausanne  ตามมานะ .... :)